วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

การวิเคราะห์ Forex

การที่เราจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ประสปความสำเร็จได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีความรู้และประสปการณ์เกี่ยวกับงานที่ทำ ประสปการณ์นั้นต้องใช้เวลาสะสมกันเป็นแรมปี แต่ความรู้นั้นเราสามารถเสาะแสวงหาได้ ผู้ที่ไม่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเท่ากับว่าหยุดอยู่กับที่ และมักจะถูกผู้อื่นๆ แซงหน้าได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่จะประสปความสำเร็จได้นั้นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เกริ่นซะยาวเลยมาเข้าเรื่องกันซะที เพราะจากนี้เราจะมาว่ากันเรื่องของการวิเคราะห์ เจ้ายัก Forex กัน

การวิเคราะห์ Forex แบ่งได้เป็น 3 วิธี ได้แก่
1. การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
2. การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis)
3. มั่ว (หลายๆ คนที่เข้ามาใหม่ๆ มักชอบใช้วิธีนี้)

ซึ่งทั้งสามแนวทางที่กล่าวมานั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่นิยมใช้กันเพียงสองแนวทางคือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิกเท่านั้น ส่วนข้อสามนั้นขอให้ใช้มันให้น้อยที่สุดเป็นดี (ถ้ายังไม่อยากหมดตรูดก่อนเวลาอันควร)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
เป็นการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ การเมือง การส่งออก และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ
ข้อดี เป็นการนำข้อมูลจริงจำนวนมากที่เกิดจริงในอดีตมาทำการวิเคราะห์ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ
ข้อเสีย จากผลของการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลนี้อาจทำให้เสียเวลา
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
เป็นการนำข้อมูลของราคาและปริมาณการซื้อขาย ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ มาใช้ในการวิเคราะห์โดยใช้หลักการทางสถิติ ความน่าจะเป็น และหลักจิตวิทยา โดยมีหลักดังนี้
- ราคาเป็นผลรวมที่สะท้อนมาจากปัจจัยด้านต่างๆ
- ราคามักจะเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้มเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงเวลาหนึ่งๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใหม่
- พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนมักจะกรทำซ้ำรอยเดิม อันเกิดจากแรงผลักดัน คือ ความกล้า ความกลัว ความโลภ และความหวัง เช่น เมื่อราคาวิ่งขึ้นก็เกิดความโลภว่ามันจะขึ้นได้อีก และไม่ยอมขายทำกำไร มิหนำซ้ำกลับเพิ่มพอร์ทแบบไม่ลืมหูลืมตา (แถวบ้านดิฉันเรียกว่า หลับหูหลับตาเทรด) และในที่สุดเช้าวันต่อมา ราคาดิ่งลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเช่นกัน (แถวบ้านดิฉันเรียกว่าหลับหูหลับตาดิ่ง) จนทำให้จากบวกกลายเป็นลบซะงั้น (หลายๆ คนคงเคยเป็น)จากนั้นก็เกิดความหวังอีกว่ามันจะกลับขึ้นไปเหมือนเดิม (นึกในใจมันแค่ลงมาปรับฐาน) โดยไม่ยอมตัดขาดทุน (Stop Loss (ซึ่งจะกล่าวในบทต่อๆ ไป)) จนทำให้ผลสุดท้ายโดนตัดพอร์ทแบบเลือดเย็น (จะโดนใจดำใครมั๊ยน้า..) และพฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดกับนักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือระดับกลางๆ รวมทั้งในระดับมืออาชีพก็ยังเคยเป็น และจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เกิดมีการบันทึกราคาและปริมาณการซื้อขายในแต่ละวัน และนำมาพอร์ตเป็นกราฟ ซึ่งจะทำให้วิเคราะห์หาจังหวะซื้อขายได้ง่ายขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น